นับ เป็นเวลากว่าเจ็ดปีแล้วที่ข้าพเจ้ามีเปียโนเป็นเพื่อนเดินทาง และข้าพเจ้ากล่าวได้เลยว่าต้องใช้เวลา ความทุ่มเท และความหลงใหลมหาศาลกว่าจะสนิทกับเพื่อนร่วมทางคนนี้ แม่ของข้าพเจ้าเชื่อ ว่าเด็กๆไม่ควรใช้เวลาไปกับกิจกกรรมเบาปัญญาอย่างเดียว แต่ควรมีกิจกรรมอย่างกีฬาหรือดนตรีเพื่อขัดเกลาเด็กให้มีวินัยและความอดทน ด้วย (ในระยะแรกเริ่ม ข้าพเจ้าไม่สามารถนับเปียโนเป็นกิจกรรมเบาๆได้เต็มอก) ดังนั้นท่านจึงกระตุ้นให้ลูกๆ ไปทำกิจกรรม สภาพอากาศอันร้อนอึดอัดของเมืองไทยก็ไม่ได้เอื้อกิจกรรมกีฬาแก่เด็กอืดอาด อย่างข้าพเจ้าเลย ตัวเลือกที่ชัดเจนที่สุดจึงเป็นดนตรี ข้าพเจ้าจำวันนั้นได้ วันที่เดินเข้าไปสมัครเรียนเปียโนที่โรงเรียนดนตรีใกล้บ้านแห่งหนึ่ง และโปรดอย่าได้ถามว่าทำไมถึงเลือกเจ้าเครื่องดนตรีชิ้นนี้ เพราะคำถามนั้นก็ยังไม่มีคำตอบจวบจนปัจจุบัน ข้าพเจ้าคิดว่าคงเป็นความอยากรู้อยากเห็นของเด็กคนหนึ่งที่มีต่อเครื่อง ดนตรีใหญ่ยักษ์กระมัง หลังจากเรียนที่นั่นได้สักพักจึงย้ายมาเรียนกับครูอ้อ (เสาวลักษณ์ ไมตรีจิตต์) ที่เสียงสานฝัน แม้นับจากวันแรกที่สัมผัสเปียโนมาราวสองปี ข้าพเจ้าก็ยังไม่พบว่าดนตรีให้ความเพลิดเพลินใจอย่างไร เวลาในช่วงเรียนก็ไหลไปเชื่องช้า ส่วนการซ้อมก็ชวนทรมาณ… เด็กแทบทุกคนในโลกย่อมคิดว่าการวิ่งเล่นหรือเล่นเกมสนุกกว่าเป็นแน่ จน กระทั่งครูอ้อส่งข้าพเจ้าแข่งขันเปียโน ข้าพเจ้าจึงเริ่มรู้สึกประทับใจใน ดนตรี นักเรียนที่เข้าร่วมการแข่งนั้นจะมารวมกันอยู่ที่ห้องเปียโนแล้วผลัดกันซ้อม แม้ทุกคนจะเคอะเขินบ้าง แต่การได้เล่นดนตรีกับเพื่อนๆก็เป็นความสนุกอย่างหนึ่งเลย สำหรับนักเปียโนวัยเยาว์แล้ว การแข่งขันจัดเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก นอกจากจะขัดเกลาให้เด็กขยันซ้อมและมีวินัยหรือเป็นประตูให้เด็กได้รู้จัก เวทีแล้ว การแข่งขันยังทำให้ใกล้ชิดดนตรีและพบเพื่อนใหม่อีกด้วย (พี่สาวข้าพเจ้าก็ได้เพื่อนใหม่เป็นผู้เข้าแข่งขันคนข้างๆ) หลังจากแข่งครั้งนั้น มุมมองที่ข้าพเจ้ามีต่อเปียโนก็ต่างไปโดยสิ้นเชิง ในที่สุดข้าพเจ้าก็เริ่มมีความสุขในการเล่นดนตรี
นอกจากความประทับใจ ที่กล่าวมาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่หล่อหลอมให้ข้าพเจ้าสนใจดนตรีก็คือจากการฟัง เมื่อเริ่มเรียนเปียโนใหม่ๆ แม่ก็ลองซื้อเพลงคลาสสิคให้ฟัง ซีดีแรกคือรวมเพลงยอดนิยมของโมซาร์ตและเบโธเฟน ส่วนเรื่องความประทับใจข้าพเจ้าบอกได้เลยว่าไม่ใช่ในทางบวกแน่ๆ เสียงเครื่องสายจากซิมโฟนีหมายเลขห้า ในบันไดเสียงซีไมเนอร์ โอปุสหกสิบเจ็ดของเบโธเฟนเสียดแทงโสตประสาทมาก ส่วนโอโบคอนแชร์โตของโมสาร์ตก็ราวกับไม่มีที่สิ้นสุดและชวนหลับ ต่อมาครูอ้อได้แนะนำให้รู้จักภาพยนตร์และการ์ตูนซึ่งเกี่ยวกับชีวิตของนัก ดนตรีคลาสสิค “Nodame Cantabile” (นางเอกไม่เอาอ่าวผู้ไม่เคยอ่านโน้ตให้ดีก็คงตรงกับตัวข้าพเจ้าพอดี…) หลังจากดูเรื่องนั้นจบ ข้าพเจ้าและพี่สาวก็ไปขุดคุ้ยฟังเพลงจากในหนังและได้รู้จักคีตกวีสำคัญๆ การฟังของข้าพเจ้าตอนนั้นก็ไม่ได้ละเอียดอ่อนนักหรอก ขอให้เป็นวิดิโอ เพลงไม่ยาวมากและนักดนตรีเล่นเน้นอลังการไว้ก่อน เมื่อเริ่มคุ้นกับเพลงคลาสสิคแล้วจึงไปเสาะหาหนังสือชีวประวัติของคีตกวีมา อ่านและเริ่มไปหาเพลงเปียโนมาฟังเพิ่มเติม ข้าพเจ้าจำได้แม่นยำเลยว่าแม่ขอให้พี่สาวและข้าพเจ้าเล่นเพลงตามซีดีให้ฟัง สักวันหนึ่ง (ซีดีนั้นประกอบไปด้วยแฟนตาซี-อิมพรอมพ์ตูโอปุสหกสิบหกของโชแปงและเพลงยากๆ อีกนานับประการ) เราทั้งสองได้แต่มองหน้ากันและกล่าวไปว่าคงเป็นไม่ได้ในชีวิตนี้ อย่างน้อยการฟังไปเรื่อยเปื่อยของเด็กๆก็ทำให้ข้าพเจ้าอยากจะศึกษาดนตรีต่อ ไปมากขึ้น
การฟังเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสดหรือไม่ก็ตาม เพราะการฟังทำให้รู้จักบทเพลงมากขึ้น สร้างความเข้าใจเรื่องเทคนิคต่างๆและเสียง เป็นแรงบันดาลใจ พัฒนาความเข้าใจและการตีความบทเพลง อีกทั้งยังสามารถศึกษาประวัติศาสตร์ผ่านบันทึกเสียงเก่าๆ ได้อีก ชีวิตของข้าพเจ้าก็ดำเนินเรื่อยมานั้นแล แต่เมื่อเติบโตขึ้นจุดมุ่งหมายก็เปลี่ยนไป ความกดดันย่อมตามมาเป็นลำดับ บ่อยครั้งที่ข้าพเจ้าต้องกล้ำกลืนความผิดหวัง บ่อยครั้งที่ความจริงเจ็บปวดที่จะรับรู้ บ่อยครั้งที่เหนื่อยล้ากว่าจะเดิน.. แต่อย่างไรก็ตาม การจะเลิกทำตามความฝันบางครั้งก็ยากพอๆกับการจะลุกขึ้นยามท้อแท้เช่นกัน ข้าพเจ้าไม่อาจกล่าวได้ว่าตนเป็นผู้พิชิต แน่นนอนว่าข้าพเจ้ายังคงกังขา ท้อแท้และเกียจคร้าน แต่การใช้ชีวิตโดยมีดนตรีคู่ใจก็ได้สอนให้ข้าพเจ้าว่าช่วงชีวิตของมนุษย์ นั้นก็เสมือนการเดินทางนั่นเอง มันไม่เคยราบรื่น บางครั้งก็ปั่นป่วนชวนสิ้นหวัง แต่กระนั้นแล้วเราก็ไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากเดินก้าวไป ลมหายใจไม่เคยหยุดนี่ยามชีวิตดำเนินอยู่
ณ ปัจจุบัน ข้าพเจ้ากำลังสนุกกลับเพลงที่เล่นแม้ว่ามันจะท้าทายกว่าที่เคยเผชิญมาก็ตาม ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าคิดถึงตอนอยู่ราวๆเกรดสี่ ช่วงเกรดสี่เป็นเสมือนอาถรรพ์หรือเวลาเปลี่ยนผ่าน เพราะเด็กๆมักไม่สู้มีแรงบันดาลใจเท่าไรนัก ขณะเดียวกันเพลงเองก็จะเริ่มซับซ้อน แต่หากอดทนฟันฝ่าช่วงเวลานั้นไปได้ ก็จะหาความสนุกในเพลงได้มากกว่าเดิม เพลงระดับสูงขึ้นให้อิสระแก่ผู้เล่นผ่านพื้นที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกที่ มากขึ้น และจุดนั้นเองที่ดนตรีเป็นเครื่องปลอบประโลมจิตใจมนุษย์ เพราะในขณะที่ดนตรีเรียกร้องทุกความรู้สึกที่เรามีต่อโลกใบนี้ เราก็จำเป็นต้องพึ่งพาความอ่อนโยนของศิลปะเช่นเดียวกัน จิตใจของมนุษย์เองล้วนเกี่ยวพันกับสุนทรียศาสตร์อย่างเเน่นแฟ้นและลึกล้ำ ในขั้นที่ว่าศิลปะและชีวิตต่างมอบความเปลี่ยนแปลงซึ่งกันและกัน กว่าจะคุ้น เคยกับเปียโนและคีย์ดำคีย์ขาวทั้งแปดสิบแปด ข้าพเจ้าก็ต้องผ่านอะไรมาพอสมควร และยังมีอีกมากมายที่ต้องเรียนรู้ บางครั้งข้าพเจ้าก็คิดหน่ายเปียโนและอยากจะไปเล่นดนตรีอื่น เสียงเชลโลก็ชวนโหยไห้ หรือเสียงบาซซูนก็ไพเราะมีสเน่ห์ แต่ทุกครั้งที่กลับมาฟังเพลงพื้นๆ อย่างรอนโดของโมสาร์ตหรือฟิวก์ของบาค มันก็เป็นการย้ำเตือนว่า เสียงเปียโนเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าชอบที่สุด